My Redeemer Lives – Team Hoyt เรื่องจริงของพ่อ(Dick) ลูก(Rick) คู่หนึ่ง

คลิปที่มี View บน youtube.com นัีบ 1.4 ล้าน View มี Comments นับ 1000 Comments ขอบคุณคลิปนี้ที่ทำให้เรามีกำลังใจ

My Redeemer Lives – Team Hoyt

True Story …
เรื่องจริง …

A son says to his father: ‘Dad, would you be willingly to run a marathon with me?’
วันนึงลูกชายได้พูดกับพ่อของเขาว่า “พ่อครับ พ่อจะไปวิ่งมาราธอนกับผมได้ไหม”

The father, despite his age and a heart disease, says ‘YES’.
ถึงแม้ว่าตัวคุณพ่อเองจะอายุมากแล้ว แถมยังเป็นโรคหัวใจ เขาเลือกที่จะตอบลูกของเขากลับไปว่า “ได้ซิลูก”

And they run that marathon, together.
หลังจากนั้นทั้งสองก็วิ่งมาราธอนด้วยกัน

The son asks: ‘Dad, can you run another marathon with me?’ Again father says ‘YES’.
อีกวันนึง ลูกชายได้ถามพ่อของเขาอีกครั้งว่า “พ่อครับ พ่อจะวิ่งมาราธอนกับผมอีกครั้งได้ไหม” แน่นอนว่า พ่อตอบกลับไปว่า “ได้ซิลูก”

They run another marathon, together.
เขาทั้งสองก็ได้วิ่งมาราธอนรายการอื่นอีกครั้งด้วยกัน

One day the son asks his father: ‘Dad, would please do the Iron Man with me?’
และอีกวันนึง ลูกชายก็ถามพ่อของเขาอีกครั้งว่า “พ่อครับพ่อจะลงแข่ง Iron Man กับผมได้ไหม”

Now just in case you wouldn’t know, ‘The Iron Man’ is the toughest triatlon in existance; 4km swimming, then 180 km by bike, and finaly another 42 km running, in one stroke.
(สำหรับคนที่ไม่รู้ว่า Iron Man คืออะไร มันก็คือไตรกีฬานั่นเองในภาษาไทย รายการนี้จะรวมมนุษย์เหล็กจากทั่วโลกมาแข่งขันกันโดยแบ่งออกเป็นว่ายน้ำ 4 กิโลปั่นจักรยาน 180 กิโลและวิ่ง 42 กิโล โดยไม่มีการหยุดพักใครเข้าเส้นชัยก่อนเป็นผู้ชนะ)

Again father says ‘YES’
และก็อีกครั้งหนึ่งที่ผู้เป็นพ่อไม่ได้ตอบปฏิเสธ “ได้ซิลูก”

Maybe this doesn’t ‘touch’ you yet by heart … until you see this movie (put on sound!):
บางทีบทสนทนานี้คุณอาจจะยังไม่เข้าใจ และยังไม่เกิดความประทับใจกับมัน…จนกระทั่งคุณได้ดูคลิปต่อไปนี้

ข้อมูลอื่นๆ

Dick Hoyt คุณพ่อวัย 65 ปี ของ Rick Hoyt ลูกชายวัย 43 ปี สองพ่อลูกจากรัฐ Massachusetts ได้เข้าร่วมการแข่งขันกรีฑามากมายถึงเก้าร้อยกว่ารายการ รวมถึงกีฬาการแข่งขันไตรกีฬาสุดโหด ที่การแข่งขันประกอบด้วย การว่ายน้ำ ในทะเล ระยะทาง 3.86 กม.ปั่นจักรยาน ระยะทาง 180.2 กม.และการวิ่งมารธอนระยะทาง 42.195 กม. ซึ่งในคนปกติก็ยากหนักหนาอยู่แล้ว แต่พ่อลูกคู่นี้ไม่ธรรมดา!!!

Rick ลูกชายป่วยด้วยภาวะสมองพิการหรือ cerebral palsy เนื่องจากสมองขาดออกซิเจนจากสายสะดือพันคอตั้งแต่แรกเกิด หมอที่ดูแลบอกว่าเขาต้องตกอยู่ในสภาวะที่เรียกว่าเป็น “ผัก” และบอกให้ทิ้งลูกไว้เมื่อเขาอายุได้แปดเดือน แต่ผู้เป็นพ่อและครอบครัวไม่ท้อใจ พวกเขาพา Rick กลับบ้านและเพียรพยายามเลี้ยงลูกอย่างดี

เมื่ออายุ 12 Rick ได้เรียนรู้โดยการพิมพ์ผ่าน computer ที่ออกแบบพิเศษโดยใช้การเคลื่อนไหวของศีรษะ คำแรกที่เขาพิมพ์คือ “Go Bruins!” ( Bruins เป็นชื่อทีม ice hocky ที่มีชื่อ) ทำให้ครอบครัวได้รู้ว่า Rick เป็นแฟนกีฬาตัวยงเลยทีเดียว

ปี 1977 สองพ่อลูกได้เข้าร่วมการแข่งขันวิ่งระยะทาง 5 ไมล์เป็นครั้งแรก และนั่นเป็นจุดเริ่มต้นของการแข่งขันอีกหลายครั้ง รวมถึงปัจจุบันพวกเขาในนาม “Team Hoyt” ได้เข้าร่วมการแข่งขันถึง 958 รายการ (นับถึง ม.ค. ปีนี้) ซึ่งเป็นไตรภาคีถึง 224รายการ

Dick ใช้อุปกรณ์พิเศษอันได้แก่ ที่นั่งด้านหน้าติดจักรยาน เรือพิเศษเวลาว่ายน้ำและ wheelchairเวลาวิ่ง พาลูกชายของเขาเข้าร่วมการแข่งขันไปทุกหนแห่งช่างเป็นภาพที่ยิ่งใหญ่

“สิ่งเดียวที่เป็นความแตกต่างระหว่างเนินดินกับภูเขา นั่นก็คือบางสิ่งบางอย่างที่เรียกว่าทัศนคติ”
Dick Hoyt

I CAN do all things through Him who strengthens me

“ผมสามารถที่จะทำอะไรก็ได้ผ่านเขา บุคคลที่ทำให้ผมแข็งแกร่งขึ้น”
Rick Hoyt

Dick Rick

The Hoyt Foundation Inc.
Address : Team Hoyt
241 Mashapaug Road
Holland MA 01521
Fax : (413) 245-9554
Email : [email protected]
Web: www.teamhoyt.com

9 thoughts on “My Redeemer Lives – Team Hoyt เรื่องจริงของพ่อ(Dick) ลูก(Rick) คู่หนึ่ง”

  1. นี้เป็นบทความจากกระปุ๊กครับ

    ดิค และ ริค ฮอยท์ เป็นทีมนักวิ่งพ่อ-ลูกจากมลรัฐแมซซาชูเสตต์ ที่ผ่านการแข่งขันวิ่งมาแล้วทั้งหมด 984 รายการ ไม่ว่าจะเป็น ไตรกีฬา , Ironman (การแข่งขันไตรกีฬาแบบวิบากโดยไม่มีการหยุดพัก) และวิ่งมาราธอน นอกจากนั้น พวกเขายังปั่นจักรยานข้ามสหรัฐอเมริกา เป็นระยะทาง 3,735 ไมล์ ในเวลา 45 วัน มาแล้ว ซึ่งแน่นอนว่ายากคนธรรมดาทั่วไปจะทำได้

    แต่สิ่งทำให้เรื่องราวของทั้งคู่ฝังอยู่ในใจของผู้คนทั่วโลกก็คือ ความมหัศจรรย์ของนักวิ่งสองพ่อลูกนั่นเอง

    ริค ผู้เป็นลูกชายนั้นไม่ได้มีสภาพปกติเหมือนคนทั่วไปแต่อย่างใด หากแต่ว่า. . . เขาเป็นอัมพาตตั้งแต่เกิด ไม่สามารถเดินและพูดได้

    ริค จบการศึกษาระดับมัธยมที่โรงเรียนเอกชนแห่งหนึ่ง จากนั้นเขาได้เข้าศึกษาต่อที่วิทยาลัยบอสตัน และได้รับปริญญาหลักสูตรการศึกษาพิเศษ หลังจากสอนหนังสือได้ 1 ปี ริคก็เริ่มสนใจเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ และได้มีส่วนช่วยวิทยาลัยบอสตันในการพัฒนาระบบ “Eagle Eyes” ซึ่งเป็นระบบคอมพิวเตอร์ที่ใช้การเคลื่อนไหวของตาและศีรษะช่วยในการสื่อสาร

    ในระหว่างร่วมกิจกรรมกีฬาบาสเก็ตบอลของทางวิทยาลัย ริคได้ยินประกาศเกี่ยวกับการวิ่งการกุศลช่วยเหลือนักวิ่งผู้หนึ่งที่ประสบอุบัติเหตุจนต้องทุพพลภาพ ดิค จำได้ว่าลูกชายของเขากลับมาถึงบ้าน พร้อมกับบอกว่า

    “พ่อครับ เราต้องทำอะไรบางอย่างเพื่อเขาแล้วล่ะ ผมอยากแสดงให้เขาเห็นว่า ชีวิตต้องดำเนินต่อไปแม้ว่าเขาจะเป็นอัมพาต”

    และริค ลูกชายได้พูดกับพ่อของเขาว่า “พ่อครับ พ่อจะไปวิ่งมาราธอนกับผมได้ไหม” อย่างไรก็ตาม ถึงแม้ว่าตัวคุณพ่อเองจะอายุมากแล้ว แถมยังเป็นโรคหัวใจ เขาเลือกที่จะตอบลูกของเขากลับไปว่า “ได้ซิลูก”

    ฮอยท์ กล่าวว่าสำหรับเส้นทางการแข่งขันวิ่งนั้น “ริคนั่นเองที่เป็นแรงจูงใจ” การแข่งขันครั้งแรกเริ่มขึ้นในปี ค.ศ. 1979 ดิค ผู้เป็นพ่อออกวิ่งไปพร้อมๆ กับเข็นวีลแชร์สองล้อที่มีลูกชายนั่งอยู่ เป็นระยะทาง 5 ไมล์ หลังการวิ่งสิ้นสุดลง ริค บอกกับพ่อด้วยอาการตื่นเต้นว่า

    “พ่อครับ ตอนที่เรากำลังวิ่งอยู่นั้น ผมไม่รู้สึกว่าผมพิการเลยแม้แต่น้อย”

    หลังจากการแข่งขันวิ่งครั้งแรก ดิค ฮอยท์ ได้วิ่งไปพร้อมๆ กับลูกชายในการแข่งขันวิ่งมาราธอนในเมืองบอสตันและเมืองอื่นๆ อีกนับครั้งไม่ถ้วน ไม่ว่าจะเป็นการวิ่งมาราธอนระยะทาง 26.2 ไมล์ 85 รายการ ในแต่ละครั้ง ไม่เพียงแค่วิ่งไปพร้อมกับเข็นวีลแชร์เป็นระยะทาง 26.2 ไมล์เท่านั้น ยังลากเรือที่มีริคอยู่ข้างในระหว่างว่ายน้ำเป็นระยะทาง 2.4 ไมล์ รวมทั้งปั่นจักรยานโดยมีริคนั่งอยู่บนแฮนด์จักรยาน เป็นระยะทางอีก 112 ไมล์ อีกด้วย ซึ่งภารกิจทั้งหมดนั้นทำภายในวันเดียว! ในปี ค.ศ. 1992 การแข่งขันวิ่งมาราธอนที่เมืองบอสตันครั้งที่ 24 ดิคและริด เข้าเส้นชัยในอันดับที่ 5,083 จากผู้เข้าแข่งขันทั้งหมด 20,000 คน ใช้เวลาทั้งหมด 2 ชั่วโมง 40 นาที ทำเวลาช้ากว่าสถิติโลกไปเพียงแค่ 35 นาที

    ปัจจุบัน ดิคในวัย 66 ปลดเกษียณจากหน้าที่ในกองทัพอากาศแห่งชาติ ส่วน ริคในวัย 44 นั้นปัจจุบันทำงานอยู่ที่วิทยาลัยบอสตัน ทั้งคู่ยังคงมีเป้าหมายที่จะลงแข่งขันวิ่งต่อไป รวมทั้งเป็นวิทยากรในที่ต่างๆ อีกด้วย

    เมื่อถามว่า ความปรารถนาของริคคืออะไร ริคได้ตอบว่า “สิ่งเดียวที่ผมอยากจะทำก็คือ ให้พ่อของผมนั่งอยู่บนวีลแชร์ โดยมีผมเป็นผู้ดันเขาเข้าสู่เส้นชัยสักครั้งหนึ่งในชีวิต”

    CAN

    Rick & Dick Hoyt Inspiration!

    ดูแล้วรู้สึกยังไงบ้างครับ อย่าลืม comment ละครับ

  2. มีสิ่งหนึ่งที่ดิฉันได้เห็นจากแววตาของลูกชาย แววตาของเค้าผู้นั้นเป็นแววตาที่เป็นประกายเปี่ยมด้วยความหวัง และกำลังใจ ….เค้าบอกว่า … CAN….ชีวิตนี้จะอยู่มิได้หากบุคคลผู้นั้นขาด (ซึ่งกำลังใจ) สิ่งหนึ่งที่เป็นกำลังใจให้เรามากที่สุด คือ ความรักที่หล่อเลี้ยงจิตใจของมนุษย์ ไม่มีความรักใดที่ประเสริฐที่สุดเท่ากับของความรักของ บิดา มารดา ผู้ซึ่งให้กำเนิดชีวิตของเรามา เป็นความรักแบบ Universal Love ที่เปี่ยมด้วยเมตตา ความรัก ความปราถนาดีอยากให้ผู้อื่นเป็นสุข ที่มีแต่ให้

    สุดท้ายความสำเร็จที่บุคคลผู้นั้นได้มาคงไม่มีอะไรยิ่งใหญ่และมีความสุขเท่ากับการที่เค้าได้ประสบความสำเร็จและมีบุคคลที่สำคัญที่สุดในชีวิตที่อยู่เคียงข้างเค้าเสมอ
    บุคคลผู้นั้นคือ ……….. (บิดาและมารดาผู้ซึ่งมิเคยทอดทิ้งลูก)……………..

  3. เป็น comment ที่เยี่ยมมากครับ

  4. อ่าาา มีคนกล่าวไว้ว่า ผมเจอคนชอบเขียนโปรแกรมต้องรีบทัก ^_^ ชอบเขียนโปรแกรมเหมือนกันครับ มาเที่ยวบล็อกผมได้นะ

  5. ผมดูวีดีโอจนจบเลย ต้องยอมรับเลยว่าแกเป็นสุดยอดคุณพ่อจริงๆ ประทับใจมากครับ

Comments are closed.

Wordpress Social Share Plugin powered by Ultimatelysocial